สวัสดีครับเพื่อนๆ วันนี้ขอมารีวิวทริปท่องเที่ยวตะลุยกินต่างแดนบ้าง งานนี้ไปฮ่องกงที่เที่ยวที่หลายๆคนคงไปสัมผัสกันมาแล้ว แต่ที่กินนี่สิเรื่องใหญ่กว่า หากเลือกไม่ถูกใจพาลจะทำให้ทริปเสียอารมณ์กันไปได้ เดี๋ยวไปดูกันครับว่ามีร้านอะไรมาแนะนำบ้าง อิอิ
ก่อนอื่นก็หาตั๋วรอบบินไป-กลับดีๆ กับเพื่อนร่วมทางที่รู้ใจ ต่อมาคือที่พักที่ครั้งนี้ต้องยกให้ www.airbnb.com เว็บช่วยค้นหาที่พักจากประเทศต่างๆที่เราต้องการ
– -> https://th.airbnb.com/?af=2100566&c=th_blogger_eatwithpete <- –
โดยมีมากกว่า 500,000 ที่พัก จากกว่า 190 ประเทศ ซึ่งเราสามารถเลือกได้ว่าอยากจะพักเป็นโรงแรม เกสเฮ้าส์ หรือแม้แต่อยากจะเช่าบ้านทั้งหลังก็ได้ และสามารถกำหนดช่วงราคาที่เราต้องการได้อีกด้วย
เล่าถึงที่มาที่ไปซักนิด Airbnb ตั้งชื่อโลโก้ว่า The Bélo ซึ่งเป็นสัญลักษณ์สื่อถึงความเป็นตัวตนและคอมมูนิตี้ของ Airbnb ที่มีอยู่ทั่วโลก ชื่อนี้มาจาก People + Places + Love + Airbnb เพราะเชื่อว่าการเดินทางกับ Airbnb ให้บางสิ่งที่ยิ่งใหญ่มากกว่าเเค่การท่องเที่ยว ทุกคนสามารถเป็นส่วนหนึ่งในคอมมูนิตี้นี้ได้เพียงแบ่งปันเรื่องราวท่องเที่ยวสุดประทับใจผ่านเว็บ www.airbnb.com หรือดูความเป็นมาได้ที่ http://www.youtube.com/embed/7Hs0C2UvVBY?hl=th&persist_hl=1&cc_load_policy=1
แถมยังสร้างสัญลักษณ์ของตัวเอง ผ่านทาง create.airbnb.com ได้อีกด้วย น่ารักมั้ย ^^
เอาล่ะ เริ่มใช้งานเลยละกัน ลองเสิชหาที่พักราคาดี สถานที่ และคุณภาพเหมาะสม ได้ที่นี่ครับ Modern studio B ใช้เวลาเดินทางจากรถไฟฟ้าเพียง 3 นาทีเท่านั้น ต่อไปก็จัดกระเป๋าเตรียมตัวเดินทางกันเลย
ข้ามฟ้าพริบตาเดียวก็ถึงแล้วครับ สิ่งแรกที่ต้องจัด คือ บัตร Octopus card ใช้เดินทางภายในฮ่องกงได้ทั้งรถไฟ รถเมย์ และยังสามารถใช้ในการซื้อของจากร้านค้าได้ด้วย ราคาบัตรอยู่ที่ 150 เหรียญ (เป็นค่ามัดจำ 50 เหรียญ) เติมเงินต่อกันเองนะ
เข้าเกาะเลยดีก่า มาถึงเช้าๆก็ต้องหาของเติมพลังกันก่อน ขอประเดิมอาหารที่นึกถึงเป็นอย่างแรก เป็ด/ห่านย่างครับ ก็เค้าขึ้นชื่อเรื่องเมนูนี้อ่านะ เดินไปที่ไหนก็เจอแต่ผมไปสะดุดตากับร้าน Hey Hey (ป้ายร้านไม่มีภาษาอังกฤษนะครับ ชื่อจะอยู่บนเมนู) อยู่ไม่ไกลจากสถานี Wan Chai เท่าไหร่ ออกจากประตูA4 เลี้ยวขวา เดินตรงไปเรื่อยๆเกือบสุดถนน จะเห็นตึกรูปมงกุฏ ให้เลี้ยวซ้ายข้ามถนนตรงไปอีกประมาณ 200เมตร จะเจอร้านอยู่ตรงหัวมุมฝั่งตรงข้ามทางขวามือ
ข้าวหน้าห่านย่าง(Roasted goose with rice) – 40 เหรียญ
ข้าวหน้าห่านย่างร้านจานนี้เนื้อนุ่ม หนังกรอบอร่อยครับ ให้เนื้อชิ้นใหญ่พอสมควรเลย ปริมาณข้าวกับเนื้อถือว่าให้เยอะกว่าร้านที่เมืองไทยอีกแฮะ
ข้าวหน้าหมูหัน(Roasted suckling pig with rice) – 48 เหรียญ
หนังกรอบ เนื้อนุ่มชุ่มฉ่ำมากๆครับ กินพร้อมกับซอสหวานๆ อร่อยฝุดๆ
เมื่อกินเสร็จเรียบร้อยก็ได้เวลาเข้าที่พักพอดี จากร้าน Hey Hey ให้เดินกลับไปทางสถานี Wan Chai ครับ เดินเลยทางออก A4 มาจะเจอสนามบาส และทางออก B2 ครับ ให้เลี้ยวซ้ายเข้าซอยผ่านอุโมงเล็กๆ ตรงมาจนสุดทางแล้วเลี้ยวขวาไปตามถนน Johnston Rd. ตรงมาเรื่อยๆจะเจอตึก The Pawn อยู่ฝั่งตรงข้าม ข้ามถนนเข้าซอยข้างๆตึกเดินไปจนเกือบสุดซอยจะเจอที่พักอยู่ฝั่งตรงข้ามร้านเครื่องเขียนครับ ใช้เวลาเดินจาก MRTเพียงแค่ 2-3 นาทีเท่านั้น ใกล้มากๆ สะดวกสุดๆ
ห้องพักของผมอยู่ที่ชั้น 3 ขนาดไม่ใหญ่มาก สะอาดใช้ได้ครับ มีการตกแต่งเล็ก น่ารักๆด้วย เหมาะสำหรับพัก 1-2 คน เตียงและหมอนนุ่มมากก ขึ้นไปนอนพักแป๊บเดียวเกือบจะหลับยาวซะแล้ว ห้องน้ำไม่แคบ แต่เครื่องทำน้ำร้อนที่นี่ยังเป็นแบบเก่าที่ต้องเปิดเครื่องล่วงหน้าก่อนอาบน้ำประมาณ 10-15 นาทีครับ
เก็บของและพักเหนื่อยแล้วก็ออกไปเดินตลาดที่ถนน Apliu นั่ง MRT กลับไปที่สถานี Central จากนั้น ให้เดินตามป้าย Tsuan Wan 1-2 ขึ้นรถไฟได้ทั้ง 2 ฝั่งเพราะเป็นสถานี้ต้นสาย นั่งไปลงที่สถานี Sham Shui Po ให้ออกที่ทางออก A2 ขึ้นมาจะเจอตลาดพอดีครับ เป็นตลาดแบบแผงลอยที่มีขนาดใหญ่มาก มีของขายมากมาย ไม่ว่าจะเป็น เสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า ของมือ2 อาหาร ฯลฯ ก็เตรียมงบกันมาดีๆแล้วกันเนอะ
นอกจากตลาด Apliu แล้ว หากเพื่อนๆขึ้นมาจากทางออก D2 ของ MRT Sham Shui Po ก็จะพบกับ Golden Computer Arcade ซึ่งเป็นศูนย์รวมสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ เช่น คอมพิวเตอร์ ทีวี กล้องถ่ายรูป เกมส์ต่างๆ ฯลฯ บรรยากาศเหมือนกับสะพานเหล็กย้ายมาอยู่ในห้าง ใครชอบเล่นเกมส์มาที่นี่รับรองไม่ผิดหวัง
เดินดูของได้ซักพักก็เริ่มหิวอีกแล้ว ตาเริ่มมองหาร้านของกินครับ มาสะดุดตาอยู่ที่ร้านขายเต้าหู้ เป็นร้านเล็กๆ แต่มีคนเข้าคิวกันเยอะพอสมควรเลย แสดงว่าน่าจะมีทีเด็ด จาก MRT Sham Shui Po ให้เดินออกมาที่ทางออก B2 แล้วเดินตรงข้ามถนน ชิดฟุตบาทข้างขวา เดินอีกประมาณ30 เมตรจะเจอร้านอยู่ทางขวามือครับ ร้านเต้าหู้ร้านนี้ผมไม่ทราบเหมือนกันครับว่าภาษาจีนออกเสียงว่ายังไง แต่ถามจากคนแถวนั้นเค้าบอกว่ามันแปลว่า Tofu Factory หรือโรงงานเต้าหู้นั่นเอง
เต้าฮวย (Cold Tofu Pudding) – 10 เหรียญ
เต้าหู้เนื้อเนียนนุ่ม ก่อนทานให้โรยผงน้ำตาลที่วางไว้ให้บนโต๊ะลงไปก่อนนิดหน่อย ทานแล้ว หอม หวาน นุ่มลิ้น สดชื่นมากๆ เผลอแป๊บเดียวหมดไม่รู้ตัวครับ
เต้าหู้ทอดกับปลาแผ่น(Deep Fried Tofu with Fish Paste) – 18 เหรียญ
เต้าหู้ชิ้นโตปาดเนื้อปลาสับปรุงรส และนำไปทอดในน้ำมัน รสเค็มจากปลาแผ่น ทานพร้อมกับเต้าหู้ ทำให้ลงตัวพอดี สามารถเพิ่มรสชาติได้ด้วยซอสปรุงรส 4 ชนิดที่วางไว้ให้บนโต๊ะ
น้ำเต้าหู้ (Cold Soy Bean Milk) – 6 เหรียญ
น้ำเต้าหู้สดๆ เย็นกำลังดี หอม หวานอ่อนๆ ดื่มตอนอากาศร้อนๆ สดชื่นมากๆเลย พูดแล้วอยากดื่มอีกซักแก้ว
สบายท้องแล้วก็ไปลุยต่อกันที่ Mong Kok ครับ ออกทางประตู D2 เลี้ยวซ้าย เดินไปตามถนน Argyle อีกประมาณ 200 เมตร จะเจอกับ Richmon Shoping Arcade สามารถเรียกได้ว่าเป็นแหล่งสมบัติของนักสะสมของเล่นเลยก็ว่าได้ เพราะมีของเล่นเยอะมาก ทั้งกันดั้ม ทรานส์ฟอร์เมอร์ เลโก้ อุลตร้าแมน ฯลฯ นักสะสมของเล่นห้ามพลาด!!!
ส่วนใครรักการช้อปปิ้ ที่ Mong Kok ก็มี Langham Place ห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ที่รวมสินค้าแบรนด์เนมไว้มากมายทั้งจากต่างประเทศและในประเทศ ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า เครื่องสำอาง น้ำหอม ฯลฯ
เดินดูสินค้าแบรนด์แนมจนเพลิน ออกมาจาก Langham Place อีกทีก็มืดซะแล้ว ถึงเวลาที่ต้องหาอะไรอร่อยๆแล้วสิ ผมเดินไปตามถนน Shanghai ที่อยู่ด้านข้างของ Langham Place ประมาณ 200 เมตร ก็พบกับร้าน Dimsum & Dessert Specialist มีคนทานกันเยอะพอสมควรต้องของลองซักหน่อย
ขนมจีบหมู (Shumai) – 21 เหรียญ
ขนมจีบร้านนี้ให้ลูกใหญ่เลยครับ แป้งบาง กัดคำแรกน้ำซุปจากเนื้อหมูออกมาเยอะมากๆ อร่อยสุดๆครับ
ซาลาเปาภูเขาหิมะไส้ครีม (Snow Moutain Cream Bun) – 16 เหรียญ
ตัวแป้งซาลาเปาหอมเนยมากๆครับ ข้างนอกกรอบร่วน ข้างในเนื้อนุ่มฟู อารมณ์คล้ายๆขนมปังโรติบอย ส่วนไส้เป็นไส้ครีมธรรมดาครับ
มะม่วงข้าวเหนียวดำในซอสวานิลลา – 30 เหรียญ
มะม่วงหวานๆ ตักเข้าปากพร้อมกับข้าวเหนียวดำและซอสวานิลลาบอกเลยครับ ฟินมากก สดชื่นสุดๆ
เริ่มวันที่ 2 วันนี้วางแผนไปไหว้พระขอพรกันซักหน่อยครับ แต่ขอเติมพลังกันแบบง่ายๆก่อนที่ร้าน Honolulu Cefe จากสถานี Wan Chai เดินออกที่ทางออก A4 เลี้ยวขวาตรงไปประมาณ 200 เมตร ร้านจะอยู่ทางด้านขวามือครับ
ทาร์ตไข่ (Egg Tart) – 6 เหรียญ
ทาร์ตไข่หอมหวาน ตัวแป้งพายแน่นๆ กัดไปพร้อมกับตัวครีมไข่นุ่มละมุนลิ้น ลงตัวมากๆครับ
วัดที่ผมจะไปมีชื่อว่า วัดหว่องไตชิน (Wong Tai Sin) โดยให้นั่ง MRT ไปลงที่สถานี Central แล้วต่อไปที่สถานี Jordan ต่อด้วย Kwun Tong Line เพื่อนั่งไปลงที่สถานี Wong Tai Sin ครับ ขึ้นที่ทางออก B3 เลี้ยวขวาเดินขึ้นบรรไดไปจะเจอวัด ขึ้นชื่อในเรื่องการทำให้ผู้ที่มาขอพรที่วัดสมหวัง สิ่งที่คิดเอาไว้จะกลายเป็นจริง นอกจากตัววัดแล้วด้านหลังยังมีสวนแห่งความสมหวังไว้ให้ทุกๆคนที่มาขอพรที่วัดแห่งนี้ได้พักผ่อนอีกด้วย
ไปเดินเล่นต่อที่ Temple Street Night Market กันดีกว่า นั่ง MRT ย้อนกลับไปที่สถานี Jordan ครับ ขึ้นที่ทางออก A เลี้ยวขวา เดินไปตามถนน Jordan เรื่อยๆก็จะพบประตูวัดใหญ่ๆ เลี้ยวเข้าไปก็จะเจอตัว Temple Street Night Market ตลาดจะเริ่มตั้งแต่ 5 โมงเย็นเป็นต้นไป
แวะกินขนม Chinese Dessert Specialty Shop หน้าทางเข้าซักนิด
เต้าฮวยมะม่วง (Tofu Pudding with Mango) – 18 เหรียญ
เต้าฮวยเนื้อนุ่มรสหวานอ่อนๆ กินพร้อมกับมะม่วงสุกหวานหอม
สาคูมะม่วงในน้ำกะทิ (Topioca with Mango in Coconut Milk) – 18 เหรียญ
น้ำกะทิหอมๆมันๆ ตักเข้าปากพร้มกับสาคูเม็ดเล็กๆและมะม่วงสุก
งาดำตุ๋น ร้อน/เย็น (Sweet Black Sesame) – 16 เหรียญ
งาดำบดละเอียด นำไปตุ๋นกับน้ำตาลให้รสออกหวานนิดๆ หอมงาดำ หวานอ่อนๆ อร่อยมากๆ
ถึงแม้ว่า Temple Street Night Market จะไม่ใหญ่เท่ากับตลาด Aplip แต่ความหลากหลายของสินค้ามีไม่แพ้กันเลยครับ รับรองว่าเดินกันเพลิน
เดินดูของจนหมดแรง ได้เวลามื้อเย็นอีกแล้ว รอบนี้ต้องจัดโจ๊กฮ่องกง ขอให้ไป MRT Jordan ออกจากทางออก B2 จากนั้นกลับหลังหันแล้วเดินไปตามถนน Nathan ผ่านประมาณ 3 ซอยจนถึงถนน Saigon (สังเกตได้จากร้านขายกล้องที่มีป้ายไฟนีออนเยอะๆ) ให้เลี้ยวขวาเข้าถนน Saigon อีกประมาณ 100 เมตรจะเจอร้านอยู่ทางขวามือครับ
โจ๊กตับหมูและเนื้อปลา (Congee with pig’s liver and sliced fish) – 38 เหรียญ
สั่งโจ๊กตับหมูไป แต่กลับได้มาทั้งไส้ กระเพาะ เนื้อหมู ฯลฯ ตัวโจ๊กมีรสอ่อนๆกำลังดี เครื่องในหมูไม่มีกลิ่นคาว เนื้อปลาหั่นมาเป็นชิ้นเล็กๆ อร่อยดีครับ
บะหมี่เกี๊ยวกุ้ง (Noodle with Shrimp wonton) – 40 เหรียญ
เส้นบะหมี่นุ่มหนึบ เกี๊ยวกุ้งตัวใหญ่ไส้แน่น
เผลอแปปเดียวจะหมดเวลาเที่ยวแล้ว วันสุดท้ายแล้วอ่า เช้านี้เปลี่ยนบรรยากาศไปกินแนว American Breakfast กันบ้าง จาก MRT Wan Chai ให้เดินออกทางถนนใหญ่ เลี้ยวซ้ายตรงมาจนถึงสี่แยกให้ข้ามถนนไป แล้วเลี้ยวขวาข้ามถนนอีกรอบข้ามถนนเดินตรง จนถึงอีกสี่แยก ข้ามถนนอีกที จะเจอร้าน Flying Pan อยู่บนชั้น3 ตรงตึกหัวมุมถนนพอดีครับ ร้าน Flying Pan เป็นร้านอาหารแนว American Breakfast ที่เปิด 24ชั่วโมง เมนูสามารถเลือกได้ทั้งแบบ A la carte และแบบ Set
ไข่ดาวเบคอน เสริฟพร้อมกับแพนเค้ก น้ำมะม่วง ผลไม้สดและแอปเปิ้ลปรุงรส (2 eggs with bacon + Pancake + Mango juice + Fresh Fruit / Spiced Apple) – 84 เหรียญ
เมนูแรกผมเลือกเป็นแบบ Set ก่อน โดย เลือกเป็นไข่ 2ฟองกับเบคอนทอดครับ เราสามารถบอกทางพนักงานได้ว่าอยากได้ไข่แบบไหน ทั้งไข่คน ไข่ดาวแบบสุก ไข่ดาวไม่สุก ฯลฯ ส่วนจานรองผมเลือกเป็น Pancake น้ำมะม่วง พร้อมเครื่องเคียงเป็นผลไม้สดกับแอปเปิ้ลปรุงรส
ไข่เบเนดิก (Egg Benedict) – 47 เหรียญ
เมนูนี้แค่ภาพก็ฟินแล้ว จริงมั้ยครับ
เดินเล่นตามจุดต่างๆก็มาเจอเข้ากับร้าน Thill Heng Fish ball noodle ร้านก๋วยเตี๋ยวเนื้อปลา ที่ตัวเส้นทำจากเนื้อปลาแท้ๆ 100% ต้องลุย!!
ก๋วยเตี๋ยวเส้นเนื้อปลาลูกชิ้นเนื้อวัว – 40 เหรียญ
ก๋วยเตี๋ยวเส้นเนื้อปลาแท้ๆ ตัวเส้นเหนียวเคี้ยวมันมากๆ ส่วนลูกชิ้นเนื้อวัวกัดเข้าไปมีน้ำซุปเนื้อไหลออกมา อร่อยมากๆครับ
บะหมี่เนื้อ (Beef noodle) – 30 เหรียญ
บะหมี่เส้นกรอบๆ ลื่นคอกับเนื้อวัวตุ๋นนุ่มๆชิ้นใหญ่ที่แทบจะไม่ต้องเคี้ยว เข้ากันได้เป็นอย่างดีครับ
ก่อนจะไปที่สนามบิน ผมได้ยินมาว่าที่ฮ่องกงมีร้านเบเกอรี่ที่มีทาร์ตไข่อร่อยมากๆจนมีคนบอกว่าเป็นทาร์ตไข่ที่อร่อยที่สุดในโลกเลยครับ ต้องขอแวะไปชิมซักหน่อย จาก MRT Wan Chai ให้นั่งไปที่สถานี Central ออกที่ทางออก D1 เลี้ยวขวาเดินไปจนถึงหัวมุม เลี้ยวซ้ายเดินไปจนถึงทางม้าลายที่เป็นสี่แยกให้หันซ้ายเดินข้ามทางม้าลายไป เดินตรงเลยไปอีก 2 ซอย เลี้ยวขวาเดินเข้าซอยที่ 2 เดินตรงไปเรื่อยๆจะเจอทางสามแยกให้เลี้ยวซ้าย เดินไปเรื่อยๆ ผ่านทางเดินลอยฟ้าตรงจนเกือบสุดถนน จะเจอร้าน Tai Chenon Bekery ทางด้านขวามือ
ทาร์ตไข่ (Egg Tart) – 6 เหรียญ
ทาร์ตไข่ร้อนๆที่อบเสร็จออกมาขายแบบถาดต่อถาด ใหม่สดจากเตา แป้งทาร์ตกรอบร่วนออกเค็มนิดๆ กินพร้อมกับคัสตาร์ดไข่อุ่นๆหวานนุ่ม หอมไข่สดๆ กินได้เรื่อยๆเลบแบบนี้ อิอิ
ดูแล้วหนักไปทางกินจริงๆเลย ฮ่าฮ่า เอาเป็นว่าทริปนี้ก็จบลงด้วยดี เดินทางกลับบ้านปลอดภัยกับความอิ่มอร่อยที่ต้องมาบอกต่อ ราคาไม่โหดเหลือเงินช้อปและเที่ยวอีกเพียบ สำหรับที่พักก็ต้องขอบคุณ www.airbnb.com ที่ช่วยให้ค้นหาสถานที่ดีๆ ประหยัดงบ เอาไว้มีทริปอื่นได้ใช้บริการเว็บนี้อีกแน่นอน ส่วนใครไปเที่ยวไหนก็ลองใช้บริการดูนะครับ เข้าไปที่
– -> https://th.airbnb.com/?af=2100566&c=th_blogger_eatwithpete <- –
แล้วมาแชร์ประสบการณ์การท่องเที่ยวสนุกๆสู่กันครับ 🙂 🙂 🙂