ก่อนหน้านี้ที่ผมได้พูดถึงนิทรรศการสืบสาน พระราชปณิธานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช พระบิดาแห่งการพัฒนาพลังงานไทย ผมได้มีโอกาสศึกษาเรื่องราวของการเป็นต้นแบบชีวิตพอเพียงในการประหยัดพลังงานของพระองค์ ทำให้ผมประทับใจมาก เลยอยากจะแชร์เรื่องราวดีๆ เหล่านี้กับทุกๆ คนครับ
หลายๆ ครั้งที่เราใช้พลังงานอย่างสิ้นเปลือง ทำให้ผมนึกถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ที่เป็นต้นแบบของความพอเพียง ต้นแบบที่เราควรเอาเป็นเยี่ยงอย่าง ใครหลายคนคงต้องนึกถึงของส่วนตัวของพระองค์ ไม่ว่าจะเป็น หลอดยาสีพระทนต์ ที่พระองค์ใช้จนหมด, ข้าวผัดก้นกระทะ 1 จานกับการประหยัดพลังงาน, ฉลองพระองค์ที่ซ่อมแล้วซ่อมอีกเพื่อใส่เสด็จไปทำงานเพื่อประชาขน สิ่งของทุกอย่างบ่งบอกถึงการทำงานอย่างหนักเพื่อให้ประเทศของเรามีความสุข เพื่อให้ประชาชนมีรอยยิ้ม ที่เรามีทุกวันนี้ได้ ก็เพราะพระองค์
หากใครสนใจอยากจะชมนิทรรศการนิทรรศการของใช้ส่วนพระองค์ ในงานนิทรรศการสืบสานพระราชปณิธานพระบิดาแห่งการพัฒนาพลังงานไทย ยังสามารถรับชมได้วันนี้เป็นวันสุดท้ายนะครับ ที่ศูนย์การค้าสยามพารากอน หรือติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ แฟนเพจ : eppohan2 หรือ www.eppo.go.th และ www.รวมพลังหาร2.com
#25ปีสนพ #สร้างสรรค์ก้าวที่มั่นคงเพื่อพลังงานไทยยั่งยืน #25ปีกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน #สร้างสรรค์โปร่งใสยั่งยืน #ชีวิตหาร2 #ลดครึ่งใช้ครึ่ง #รวมพลังหาร2 #ประหยัดชัวร์ #สืบสานพระราชปณิธานพระบิดาแห่งการพัฒนาพลังงานไทย
Credit ภาพ: https://www.facebook.com/eppohan2
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ทรงโปรดการใช้ดินสอเพื่อทรงงานเป็นอย่างมาก เพราะด้วยทรงเห็นว่าราคาถูกและผลิตได้ในประเทศ อีกทั้งเมื่อผิดก็สามารถลบออกได้ง่าย นับเป็น “ความพอเพียงและความประหยัดอดออม” ที่ดินสอไม้ของพระองค์ทรงใช้ถือเป็นตัวอย่างหนึ่งที่แสดงถึงด้านนี้ได้เป็นอย่างดี
ครั้งหนึ่งเมื่อมหาดเล็กห้องสรง เห็นว่ายาสีพระทนต์ของพระองค์คงใช้หมดแล้ว จึงได้นำหลอดใหม่มาเปลี่ยนให้แทน เมื่อพระองค์ได้ทรงทราบ ก็ได้ขอให้เขานำยาสีพระทนต์หลอดเก่ามาคืนและพระองค์ท่านยังทรงสามารถใช้ต่อไปได้อีกถึง 5 วัน จะเห็นได้ว่าในส่วนของพระองค์ท่านเองนั้น ทรงประหยัดอย่างยิ่ง ทรงสอนให้เห็นคุณค่าในการใช้สิ่งของอย่างประหยัด
เรื่องเล่าจาก ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล เมื่อครั้งตามเสด็จไปที่เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ เมื่อปี พ.ศ. 2527 โดยเหตุการณ์ในวันนั้นได้มีข้าราชการหลายคนได้กลับมาจากทำภารกิจและได้เข้าไปในโรงครัวเพื่อกินข้าวผัดแห้ง ๆ ติดก้นกระทะ แต่มีข้าวผัดอยู่ 1 จานถูกวางไว้และมีคนจะหยิบไปกิน ทันทีใดนั้นก็มีเสียงตะโกนบอกว่า จานนั้นเป็นของพระเจ้าอยู่หัว ท่านรับสั่งให้มาตัก ซึ่งประโยคดังกล่าวได้สะท้อนเข้ามาในหัวใจ พร้อมกับคิดว่า ท่านเป็นถึงพระเจ้าแผ่นดินจะรับสั่งให้ทำถวายใหม่เท่าใดก็ได้ แต่ทรงรับสั่งแค่ให้ตักเพียงข้าวผัดติดก้นถาด 1 จาน ทำให้พระองค์ทรงเป็นแรงบันดาลใจให้ทุกคนรู้คุณค่าของทุกสิ่ง เพราะแค่ข้าวผัดไข่ดาว 1 จาน ก็ต้องใช้ต้องสิ้นเปลืองพลังงานไปเปล่า ๆ
ช่างเสื้อสุนทร ชนะศรีโยธิน เจ้าของร้านสูท “วินสัน เทเลอร์” เล่าถึงฉลองพระองค์ที่ทรงใช้งานอย่างคุ้มค่า พอเพียงว่า “แต่ละฉลองพระองค์ที่ได้รับมาให้ซ่อมแซม ถ้าเป็นคนอื่นผ้าเก่าขนาดนั้นเขาไม่ซ่อมกันแล้ว เอาไปบริจาคหรือให้คนอื่นๆ ได้แล้ว แต่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ทรงมีความมัธยัสถ์แต่ละองค์ที่เอามาเก่ามาก เช่น เสื้อสูทสีฟ้าชัยพัฒนา ผ้าเก่าสีซีดมากแล้ว ตรงตราชัยพัฒนามัวหมอง ตรงดิ้นทองก็หลุดเกือบหมด ผมเอามาแกะหมดเลยให้โรงงานปักใหม่ให้เหมือนแบบเดิม เพราะเข้าใจว่าท่านอยากได้ฉลองพระองค์องค์เดิม แต่เปลี่ยนตราให้ดูใหม่ ถ้าสมมุติวันนี้มีเจ้าหน้าที่มาส่งซ่อม พรุ่งนี้เย็นๆ ผมก็ทำเสร็จส่งคืนเข้าไป เจ้าหน้าที่ที่มารับฉลองพระองค์ชอบถามว่า ทำไมทำไว ผมตอบเลยว่า เพราะตั้งใจถวายงานครับ ผมอยู่ผืนแผ่นดินไทย ใต้ร่มพระบารมีของพระองค์ ผมก็อยากได้รับใช้เบื้องพระยุคลบาทสักเรื่อง ผมเป็นแค่ช่างตัดเสื้อ ได้รับใช้ขนาดนี้ผมก็ปลื้มปีติที่สุดแล้ว”