ความใฝ่ฝันของหลายๆ คนคงหนีไม่พ้นการท่องเที่ยวต่างประเทศใช่มั้ยล่ะครับ ยิ่งถ้าไม่ต้องเหนื่อยหาข้อมูล กลัวหลงทาง หรือเตรียมของแบคแพคแล้วล่ะก็ ต้องมองหาทัวร์อย่างแน่นอน และ จะดีแค่ไหนถ้าทัวร์นั้นจัดรูปแบบ การท่องเที่ยวได้ตามใจคุณ ???
ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ผมชอบมากเป็นพิเศษเพราะของกินเยอะที่เที่ยวแยะ ไปเมื่อไรก็ไม่เคยเบื่อแถมมีบรรยากาศ ให้ชมหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นซากุระ ภูเขาไฟฟูจิ ปราสาท หรือแหล่งท่องเที่ยวยามค่ำคืน รวมถึงการแต่งกายร่วมสมัย ของผู้คนหลากวัย แหล่งช้อปปิ้ง และของเล่น ของฝาก ที่ชวนให้เพลิดเพลินทุกครั้งที่ได้ไปสัมผัส ผมเคยไปโตเกียว โอกินาวา และ โอซาก้า มาแล้ว ตั้งเป้าว่าคราวต่อไปจะขอลุยฮอกไกโดบ้าง เมื่อเดือนมีนาคม 2558 ผมก็ได้ลางานไป ฮอกไกโดมาสมใจแล้วครับ เหตุที่ไปเพราะเรื่องกินเป็นหลักเลย พร้อมคอนเซ็ปต์ไม่อยากแบคแพค ไม่อยากเหนื่อย ไม่อยากหาข้อมูลมาก อยากเที่ยวแบบสะดวกสบาย เลยมองหาทัวร์ ได้เจอทริปในฝันที่ทำเอาต้องตื่นเต้นมากๆครับ เพราะเป็นทริป 6 วันในฮอกไกโด ตะลุยร้านเด็ด สุดยอดความอร่อยกับ ม.ล.ภาสันต์ สวัสดิวัตน์ !!!!!!!
หม่อมอิงค์คนดังไอดอลด้านการกินของผมมมมมนี่นาาาาาาา !!!!!!! ยังไงดีๆๆๆๆ สืบข้อมูลต่อทันทีครับ เป็น ทริปที่จัดโดยทัวร์ที่มีชื่อว่า Napira Travel Stylist บริษัทนำเที่ยวของคุณบี ณพีรา เตชาชาญ จากที่ผมข้อมูลบน IG และ Facebook ผมเลยได้ทราบว่าดารา และ เซเลปหลายๆ คนมักเดินทางกับ Napira Travel Stylist ครับ โดยที่ทัวร์เจ้านี้จะ เน้นความพิเศษด้วยการออกแบบการท่องเที่ยวตามใจลูกค้า ด้วยความคิดสร้างสรรค์ของคนรุ่นใหม่ (เท่าที่เห็นเจ้าของทัวร์ หลายๆ เจ้ามา ผมว่าคุณบี ดูอายุน้อยสุดแล้วครับ เพราะเจ้าอื่นๆ มีแต่เจ้าของที่เป็น สว เลยได้เที่ยวแบบ สว ครับ) กับ Napira Travel Stylist ดูจากรูปแล้วคืออยากไปที่ไหนกับใคร ลุยแหล่งใด บอกเลยทัวร์นี้จัดให้ได้หมด ซึ่งมีกลุ่มลูกค้าที่ รีเควสท์ทริปตะลุยกินกับหม่อมอิงค์นั่นเอง และผมก็เลยไม่รอช้ากับทริปโดนใจขากินอย่างเรา กดเลยครับ 85,000 ไม่รวม ตั๋ว ขอร่วมวงทริปนี้ทันที !!!!!!
ทริปนี้เรียกชื่อว่า Napira Travel Stylist LUXE in Hokkaido ซึ่งจากการค้นหาข้อมูลแล้วถ้าไปด้วยตัวเอง จะต้องมีงบไม่ต่ำกว่า 130,000 ไม่รวมตั๋ว (เดี๋ยวรู้กันว่าฟินแค่ไหน แล้วคุ้มกับราคา 85,000 มั้ย) เอาล่ะครับ เริ่มเดิน ทางกันเลย ผมไปด้วยสายการบินไทย ใช้เวลาประมาณ 7 ชม. บินตรงถึงที่สนามบินชิโตเซ่ เมืองซัปโปโร ไม่ต้องเสียเวลา ลงโตเกียวแล้วนั่งสายการบินภายในประเทศอีกต่อ อุณหภูมิช่วงที่ผมไป 14-19 มี.ค. 58 อยู่ที่ -5 ถึง 5 เป็นช่วงที่ยังมี หิมะอยู่ ดังนั้นใครจะมาช่วงนี้ควรหาเสื้อกันหนาวหนาๆ ติดมาด้วยนะครับ
มุ่งหน้าตามรอยหม่อมอิงค์กันเลยกับมื้อแรกของทริป คือมาถึงก็กินเลย แหม มันช่างตรงใจ โดนใจ จริงๆๆๆ ฮ่าฮ่า …เข้าเมืองโอบิฮิโระ บุก Obihiro Butadon ร้านข้าวหน้าหมูย่างชื่อดังที่ต้องมาต่อคิวกิน แต่มากับ Napira Travel Stylist หายห่วงครับ มาได้ช่วงที่ร้านว่างพร้อมให้เราเข้ากินได้เลยยยย ดูละกันครับว่าน่ากินขนาดไหน หมูคัดพิเศษ ย่าง ซอสสูตรลับ ออกเค็มหวาน โปะบนข้าวแบบมิดๆ จิบเบียร์ควบคู่ อูยยยยย
อิ่มคาวแล้ว หม่อมอิงค์บอกว่าต้องเติมหวานต่อ เราไปกันที่ Rokkatei แหล่งขายขนมหวานขึ้นชื่อที่คนแน่นร้าน เต็มตลอด ซื้อทานที่ร้าน หรือ ซื้อฝากมีหมด ขนมหลากหลาย แพคเกจสวยงามตามสไตล์ญี่ปุ่น ที่อยากแนะนำเลยเป็น เครมบรูเล่ กับ ชีสเค้กครับ ไม่หวานไป ไม่เลี่ยน ฟินๆๆ
อิ่มแล้วง่ะ พักท้องซักครู่ ไปเดินชมปราสาทไวน์ Tokachi ดูกระบวนการผลิตไวน์และห้องเก็บไวน์ชั้นเยี่ยมกับ การควบคุมอุณหภูมิอย่างดีเลิศ ใครจะซื้อจะชิมจะเทสก์มาเลยครับ เปรมแน่นอน ขวดนี้เป็นน้ำองุ่นรสหวานแฝงเปรี้ยว อ่อนๆ เย็นจากอุณหภูมิปกติตอนนั้น ชื่นใจมั่กๆ
มาถึงฮอกไกโดแล้วอดไม่ได้ที่จะต้องกินนมครับ แบรนด์สุดยอดมาก มีไขนมแน่นขวดเลย ริชมากๆ นมเข้มข้น บรรจุรอทุกคนอยู่นะคร้าบ ใครจะลองเป็นนมกาแฟ หรือ โยเกิร์ตก็รับประกันเลยว่าไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน มีขายไอศกรีม โฮมเมด เค้ก และ ชีสด้วยยย
ตัวแตกแพรบ เดินสายกินมื้อเย็นต่อครับกับปิ้งย่างซีฟู้ดแห่งเมืองคุชิโระ Robata Renga หอยเชลล์ฮอกไกโด ตัวโตขนานแท้มันเป็นอย่างงี้นี่เอง ใหญ่ชนิดที่ว่า 1 ตัว กินกับข้าวได้เกือบ 1 ถ้วย รวมถึงอาหารทะเลอื่นๆก็สดมากๆ กินกันอิ่มพุงกางแล้วก็มุ่งหน้าเข้าที่พักสุดหรู Akan Yuku No Sato Tsuruga ห้องพักแบบเรียวกังเตียงอุ่นๆ ท่ามกลาง ความหนาวจากธรรมชาติ หลับสบายตลอดคืนคร้าบ
ตื่นเช้ามาแบบสดใส เดินทางไปทะเลสาบมาชู Lake Mashu แวะชมความงามจากธรรมชาติของทะเลสาบอาคัง กับความใสที่ได้รับการจัดอันดับว่าเป็นที่สุดในโลก เกิดจากการระเบิดตัวของภูเขาไฟกว่า 7,000 ปีก่อน ลึก 212 เมตรท่าม กลางความสงบและขุนเขาที่สวยงาม ลองยืนสูดอากาศให้ชุ่มปอดแล้วบอกได้คำเดียวว่า บริสุทธิ์ ที่สุดที่เคยสูดมา
Hanaroen ร้านเติมพลังมื้อกลางวัน คลายหนาวด้วย โมโยะโระนาเบะ หม้อไฟร้อนๆ ผสานซีฟู้ดพร้อมเซ็ทอาหาร ญี่ปุ่นที่ทั้งอิ่มและอุ่นทอง หม่อมอิงค์บอกว่ามาร้านนี้ห้ามพลาดข้าวหน้าแซลมอนทอดราดด้วยมันมือเสือ (Yama Imo) ที่ขูดจนเหนียวข้นเป็นทีเด็ดก็เลยไม่พลาดครับ สั่งมาแบ่งกันทานกับผู้ร่วมทริป พลางจิบสาเกเบาๆ
ไปขึ้นเรือกานนนต่อที่ Aurora Ice Breaker เรือตัดน้ำแข็งผ่านอากาศหนาวสุดใจชมวิวสุดสวยจากน้ำแข็ง ที่ลอยมาจากรัสเซีย ทีเด็ดอีกอย่างของการล่องเรือคือ เบียร์สีฟ้าขวดนี้ครับ เกิดจากการนำน้ำแข็งที่ละลายมาผสมกับเบียร์ ชื่นใจสุดๆไปเลย มุ่งหน้าเข้าที่พักในเมืองอะบาชิริ Lake Abashiri Tsuruga Resort ฟินกับมื้อเย็นของโรงแรม ไคเซกิ หรือ อาหารชุดจัดเต็มแบบเปรมๆ ชุดนี้ครับ
เรื่องราวที่ขาดไม่ได้เลยของชาวญี่ปุ่นคือความเชื่อเรื่องเทพ การเดินทางวันใหม่นี้จึงเริ่มต้นด้วย เทพอินาริ หรือ เทพสุนัขจิ้งจอกแห่งความอุดมสมบูรณ์ เราจึงบุกเข้าหมู่บ้านสุนัขจิ้งจอก ชมความน่ารักและใกล้ชิดกับเทพตัวน้อย แล้วไป ต่อที่ Asahikawa Ramen Village ที่รวบรวมร้านราเม็งเจ้าอร่อยถึง 8 ร้านจากทั่วภูมิภาคของประเทศญี่ปุ่น ลองไปได้ 2 ก็จุกแล้วคร่าบ หม่อมอิงค์แนะนำราเม็งทงคตสึแก้มหมูย่าง และ โชยุราเม็ง เป็นซุปสองสไตล์ที่มีรสแตกต่างกันไป เข้มข้น นุ่มมัน กับ เค็มใสนวล อืมมมม…..
เติมหวานไปอีกคร้าบกับโรงงานช็อคโกแลต Shiroi Koibito ชื่อดังที่ไม่มีใครไม่รู้จักกับคุ้กกี้สอดไส้ไวท์ ช็อคโกแลต เป็นความรักสีขาวที่หนุ่มสาวมอบให้กัน จนเป็นของฝากสุดประทับใจ ที่นี่มีพิพิธภัณฑ์ของเล่น มุมชมการผลิต และสวนไฟที่ตกแต่งประดับประดาสวยงามชวนให้ทุกคนมาถ่ายรูปเป็นที่ระลึก หม่อมอิงค์บอกว่าถ้ามากับสาวคู่ใจนี่ยิ่ง ประทับใจสุดเลยน้า
เดินทางต่อไปยังเมืองซัปโปโร แหล่งท่องเที่ยวในเมืองที่มีสีสันรอคอยเราอยู่ แวะกินมื้อเย็นที่ร้านปิ้งย่าง แชมเปี้ยน (Sekai World Champion) มีหลากหลายระดับให้เลือก กินบุฟเฟ่ต์ หรือ A la Carte ก็ได้ แต่สำหรับสาวกเนื้อ Wagyu A5 อย่างผมแล้ว บุฟเฟ่ต์ไปเลยครับ คุ้มโคตรๆๆๆ อิ่มเต็มท้องแล้วค่อยไปเดินเล่นยามค่ำคืนก่อนกลับเข้าที่พัก Sapporo Grand Hotel หรูมากๆๆๆ เท่ากับว่าที่พักตลอดทริปเป็นโรงแรม 5 ดาว ทั้งหมดสมกับทริปสุดพิเศษนี้จริงๆ
วันสุดท้ายแห่งการท่องเที่ยวแล้ว ความสุขมักผ่านไปไว เอาล่ะ ลุยให้คุ้มที่สุดกันเลย ไปเริ่มต้นที่ที่ทำการรัฐบาล เก่าชมวิวสวยๆ ต่อด้วยคลองโอตารุเส้นทางขนส่งสินค้าหลักในสมัยก่อนระหว่างเกาะฮอกไกโดและเกาะอื่นๆ แวะกินซูชิ Omakase ที่ Otaru เชฟจะจัดแต่ละคำมาให้โดยไม่ต้องบอก รอกินอย่างเดียว !!!
เดินย่อยกับแหล่งช้อปปิ้งทานุกิโกจิ หม่อมอิงค์ถามว่าใครยังกินไหวยกมือ มือผมก็ยกอย่างไร้สติ เอ้ย ยังไหว คร้าบบบ ดังนั้นเราจึงไปร้านชูส์ครีมอันดับ 1 Otaru Honkan ไส้ทะลัก จับล้นมือแบบนี้ ควรค่า คู่ควรแก่การลงท้อง และบันทึกไว้ว่ากลับมาเมื่อไรต้องมาซ้ำอีกให้ได้ เพราะชูส์ครีมต้องกินเลยจะอร่อยที่สุด ข้ามเวลา วัน หรือ คืนแล้ว คุณภาพจะเปลี่ยนแปลงไป ฟินนนนนนนน!!!!!
ยังไม่พอไปร้านชีสเค้ก LeTao ต่ออีกกกกก ฮ่าๆๆๆๆๆๆ หัวเราะดังๆ คือหม่อมอิงค์พาลูกทัวร์ตะลุยกินได้แบบ สะใจมากๆ ครับ ร้านนี้เป็นอีกร้านชื่อดังที่คนแน่นมากตลอดวันกับชีสเค้กสดๆ และหลากหลายเบเกอรี่สวยงาม ทั้งรูปและรส ส่วนผมเริ่มจุกขอชิมอย่างละนิดหน่อยแล้วตามด้วยกาแฟร้อนๆซักแก้ว ^^
กลับเข้าเมืองเดินห้าง ช้อปปิ้งให้เพลิดเพลิน แล้วซัดมื้อเย็นแบบคอร์ส กินนาเบะปูทาราบะ ที่ทั้งคอร์สจะเสิร์ฟ ปูทาราบะในรูปแบบต่างๆมา เนื้อหวาน แน่น ปกติไม่ค่อยกินปูนี่ถึงกับเคลิ้ม พลางจิบเหล้าบ๊วย ว้ากๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เสียง ร้องแห่งความปลื้มปริ่ม เดินเล่นในเมืองต่ออีกคืน เก็บความงามจากชิงช้าสวรรค์บนยอดตึกแล้วกลับมานอน ฝันหวานให้ชุ่มปอด
ฮืออ และแล้วก็ถึงวันต้องเดินทางกลับ ยังพอมีเวลาเก็บความสุข ดังนั้นเราจึงตื่นเช้ากันหน่อยครับ หม่อมอิงค์ พาชมตลาดปลาและปูยักษ์สดๆหลากหลายขนาด ที่สะดุดตาคือ หอยเม่นเผาไฟขายกันสดๆแบบนี้เลย โววววว เดินชม ซักพักก็แวะลิ้มความสดที่ร้าน Ohiso เป็นข้าวหน้าของสดของดิบต่างๆ สด ถูก ได้ใจไปเลยคร้าบ เป็นมื้อส่งท้ายที่สมบูรณ์ แบบ มุ่งหน้าสู่สนามบินและเดินทางกลับด้วยสายการบินไทยโดยสวัสดิภาพ
สรุปแล้วทริปพิเศษกับ Napira Travel Stylist ครั้งนี้คุ้มค่าคุ้มราคาที่สุดของที่สุดและ ไม่ผิดหวังเลยที่เลือก ร่วมทริปไป เพราะได้ตามรอยร้านอร่อยกับหม่อมอิงค์ แถมอาหารการกินอื่นๆ ระหว่างทางในทริป Napira Travel Stylist ออกให้ทั้งหมด เว้นเฉพาะค่าช้อปปิ้งส่วนตัว หรือร้านที่ใครแยกย้ายไปกินเองอันนี้จ่ายกันเองนะคร้าบ ส่วนที่พักสะดวก สบายหายห่วง หรูหรามีระดับ การเดินทางรับส่งก็บริการด้วยรถบัสอย่างดีตลอดทริปแบบว่ารับกันถึงที่ ไม่ต้องเดินให้เหนื่อยเมื่อยตุ้ม แบบนี้จะไม่ให้ประทับใจได้ยังไงจริงมั้ยครับ … สุดท้ายนี้หม่อมอิงค์เปรยว่าจะมีทริปตะลุย กินรอบโลกด้วยนะ… เอิ่มมมมมมมมมมม เตรียมเก็บเงินรอเลยคร้าบบบบบบบบบบ !!!!!!!!!!! รับรองเลยว่าทุกเม็ดเงิน ที่จ่ายไปจะคุ้มค่า ไม่ผิดหวัง และประทับใจเหมือนที่ผมไปครั้งนี้อย่างแน่นอนครับ
ปล. แอบอยากตะลุยทริปดูฟุตบอลบิ๊กแมตช์ที่อังกฤษเลยนะเนี่ย หาแนวร่วมก่อน อิอิ
ใครสนใจจัดทริปสุดพิเศษกับ Napira Travel Stylist ลองติดตามและสอบถามได้ที่ …
Website : http://napiratravel.com/
Facebook : www.facebook.com/TravelStylistNapira
Instagram : www.instagram.com/napiratravelstylist
ที่ตั้งสำนักงาน : 17 รามคำแหง12แยก2 ซอยอุดมยศ 1 หัวหมาก บางกะปิ กรุงเทพฯ 10240
โทร. 662 -719-8009 (อัตโนมัติ)
แฟกซ์ 662 -318-6776
อีเมล์ info@napiratravel.com
ใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยว เลขที่ใบอนุญาต 11/05907 ออกโดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)
เวลาทำการ (6 วันทำการ)
จันทร์ – ศุกร์ เวลา 08.30-18.00 น.
เสาร์ – อาทิตย์ เวลา 09.00 – 12.00 น.
รูปแบบ Package ของ Napira Travel Stylist มี 3 รูปแบบได้แก่
Napira Travel Stylist LUXE – เป็น Package ที่เน้นการท่องเที่ยวแบบหรูหรา เหมาะสำหรับผู้ที่รักการท่องเที่ยวสถานที่ในฝัน เข้าพักในห้องพักสุดพิเศษของโรงแรมระดับ 5ดาว เดินทางด้วยรถรับส่งสุดพิเศษ พร้อมผู้ให้บริการส่วนตัวตลอดการเดินทาง
Napira Travel Stylist UNIQUE – เป็น Package ที่เน้นการท่องเที่ยวแบบพิเศษ และสามารถปรับเปลี่ยนการท่องเที่ยวได้ตลอดเวลา โดยลูกค้าสามารถแจ้งรูปแบบ ในการท่องเที่ยว แล้วทาง Napira Travel Stylist จะ Design โปรแกรมการท่องเที่ยว เฉพาะบุคคลให้ โดยตลอดการเดินทาง หากผู้ร่วมทริปต้องการปรับเปลี่ยนรูปแบบการเดินทาง ทาง Napira Travel Stylist สามารถติดต่อประสานงานเพื่อสอบสนองต่อความต้องการ ของลูกค้าหรือผู้ร่วมทริปได้
Napira Travel Stylist TOGETHER – บริการ Package การท่องเที่ยวแบบกลุ่มใหญ่ เหมาะสำหรับองค์กรรัฐบาล รัฐวิสาหกิจ บริษัทเอกชน ตลอดจนบริษัมหาชน ที่ต้องการเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศอย่างประทับใจ